ประวัติศาสตร์จีน (中国历史)  จีนเป็นประเทศที่มีความเป็นมายาวนานกว่าห้าพันป การแปล - ประวัติศาสตร์จีน (中国历史)  จีนเป็นประเทศที่มีความเป็นมายาวนานกว่าห้าพันป ไทย วิธีการพูด

ประวัติศาสตร์จีน (中国历史) จีนเป็นประ

ประวัติศาสตร์จีน (中国历史)
จีนเป็นประเทศที่มีความเป็นมายาวนานกว่าห้าพันปี ตลอดช่วงเวลาอันยาวนานนี้ ได้ก่อเกิดเรื่องราวต่างๆมากมายนับไม่ถ้วน หลาย ๆ เรื่องก็กลายเป็นตำนานเล่าขานในหมู่ชนอันไม่รู้จบ ทั้งเรื่องราวของวีรบุรุษผู้เดียวดาย วีรสตรีผู้เสียสละ กังฉินใหญ่จอมเจ้าเล่ห์ ธรรมราชันย์ผู้เปี่ยมเมตตา ทรราชผู้โหดเหี้ยมอำมหิต และนี่คือมนต์เสน่ห์อย่างหนึ่งของประวัติศาสตร์จีน


พัฒนาการความเป็นมาของประวัติศาสตร์จีน สามารถอธิบายคร่าว ๆ โดยแบ่งช่วงเวลาออกมาได้ดังนี้
ยุคก่อกำเนิด หรือยุคบรรพกาล (? – 2100 ปี ก่อน ค.ศ.)
ดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำหวงเหอ (黄河) มีผู้คนอาศัยอยู่มาตั้งแต่ยุคหิน ซึ่งผู้คนเหล่านี้ได้ค่อย ๆ มีการพัฒนา จากการที่ต่างคนต่างอยู่ ยังชีพด้วยการเก็บของป่า ล่าสัตว์ ก็ค่อย ๆ เข้ามารวมตัวกันเป็นชุมชน ทำการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ ก่อเกิดเป็นสังคมแบบชนเผ่าขึ้น ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวก็ได้เกิดมีผู้นำคนสำคัญๆที่ได้มีส่วนสำคัญในการช่วย พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคมขณะนั้น คือ ซุ่ยเหริน (燧人) ฝูซี (伏羲) เสินหนง (神农) ซึ่งสามคนนี้ได้รับการยกย่องเป็น “ซันหวง” (三皇) หรือสามกษัตริย์ ตราบจนเมื่อประมาณ 4600 ปีก่อน ค.ศ. หวงตี้ (黄帝) หรือ จักรพรรดิเหลือง สามารถกำราบชนเผ่าทั้งหลายในแถบลุ่มน้ำหวงเหอได้สำเร็จ อันเป็นที่มาของชนชาติ “หวาเซี่ย” (华夏) หรือ ชนชาติจีน กาลต่อมาก็ได้มีผู้นำที่มีความสามารถเช่น จวนซวี (颛顼) ตี้คู่ (帝喾) เหยา (尧) ซุ่น (舜) บุคคลทั้งสี่นี้ เมื่อรวมกับหวงตี้ (จักรพรรดิเหลือง) จึงกลายเป็นกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า “หวู่ตี้” (五帝) หรือ ห้าจักรพรรดิ
จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้สังคมจีนแบบบุพกาลสิ้นสุดลง คือการที่ต้าอวี่ (大禹) สามารถแก้ไขปัญหาอุทกภัยในแถบลุ่มแม่น้ำหวงเหอ ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญที่คุกคามชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในบริเวณนั้นมา อย่างยาวนานได้สำเร็จ ดังนั้นพระเจ้าซุ่นจึงได้สละบัลลังก์ของตนมอบให้แก่ต้าอวี่ ต้าอวี่ปกครองประชาชนด้วยความร่มเย็นเป็นสุขจนเมื่อตนเองแก่ชรา จึงคิดจะยกราชสมบัติให้แก่อี้ (益) ตามประเพณีดั้งเดิมที่จะยกบัลลังก์ให้แก่ผู้มีความสามารถ แต่ทว่าด้วยแรงหนุนจากบรรดาหัวหน้าเผ่าต่างๆที่อยู่ภายใต้การปกครองของ ต้าอวี่ ทำให้ฉี่ (启) โอรสของต้าอวี่ได้สืบทอดบัลลังก์ต่อจากบิดา เหตุการณ์นี้ถือเป็นจุดสิ้นสุดของยุคบรรพกาล ประวัติศาสตร์จีนได้เข้าสู่ยุคแห่งรัฐระบอบทาสนับแต่นั้น
ยุคทาส (2100 – 1028 ปี ก่อน ค.ศ.)
ใน ยุคนี้จีนได้เริ่มมีการสถาปนาระบอบการปกครองแบบราชวงศ์ มีการสืบสันตติวงศ์ทางสายเลือด แทนระบบการสืบทอดตำแหน่งโดยการคัดเลือกจากความสามารถ เริ่มมีชนชั้นทาสเกิดขึ้น เนื่องจากเมื่อฉี่ โอรสของอวี่ขึ้นครองราชย์ ได้มีชนเผ่าบางเผ่าไม่ยอมรับอำนาจของเขา ฉี่จึงยกทัพไปปราบ และกวาดต้อนเชลยศึกเหล่านั้นให้มาทำหน้าที่รับใช้ฝ่ายตนซึ่งเป็นผู้ชนะ สงคราม จึงได้เกิดมีชนชั้นทาสกับนายทาสขึ้นนับแต่นั้น ในยุคนี้จะประกอบไปด้วยราชวงศ์อยู่สองราชวงศ์ คือ เซี่ยกับชาง
ราชวงศ์เซี่ย (夏朝 2100 – 1600 ปี ก่อน ค.ศ.)
ราชวงศ์นี้สถาปนาโดยฉี่ โอรสของต้าอวี่ กษัตริย์องค์สุดท้ายคือ เจี๋ย (桀) รวมมีกษัตริย์ปกครองทั้งหมด 17 พระองค์ (รวมต้าอวี่)
ราชวงศ์ชาง (商朝 1600 – 1028 ปี ก่อน ค.ศ.)
ราชวงศ์นี้สถาปนาโดยชางทัง (商汤) ซึ่งได้ฉวยโอกาสนำกำลังลุกฮือขึ้นโค่นล้มการปกครองของพระเจ้าเจี๋ยแห่งราชวงศ์เซี่ย กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์นี้คือ โจ้ว (纣) ราชวงศ์นี้มีกษัตริย์ปกครองทั้งสิ้น 30 พระองค์ ยุคนี้การทำเครื่องสัมฤทธิ์มีความเจริญรุ่งเรืองที่สุด ทั้งยังเป็นยุคที่อักษรกระดองเต่า (甲骨文) ถือกำเนิดขึ้นมาด้วย


ยุคศักดินา (1027 ปี ก่อน ค.ศ. – ค.ศ. 1912)
เมื่อโจวหวู่หวาง (周武王) นำกำลังเข้าโค่นล้มการปกครองของพระเจ้าโจ้วหวางแห่งราชวงศ์ชางแล้ว ก็ได้สถาปนาราชวงศ์โจว (周朝) ขึ้น และได้ปูนบำเหน็จความดีความชอบให้แก่บรรดาเชื้อพระวงศ์ ขุนศึก หัวหน้าเผ่าที่ร่วมมือกับตนในการโค่นล้มราชวงศ์ชาง ด้วยการแต่งตั้งให้บรรดาคนเหล่านั้นเป็น “จูโหว” (诸侯) หรือเจ้าครองแคว้น แล้วมอบที่ดินให้กับพวกเขาในขนาดที่แตกต่างกัน ตามแต่ระดับความดีความชอบที่ได้กระทำไว้ ให้คนเหล่านั้นมีอำนาจเต็มที่ในพื้นที่ที่ได้รับพระราชทานจาก “โอรสสวรรค์” (天子) หรือกษัตริย์แห่งราชวงศ์โจว และนี่จึงเป็นที่มาของยุคศักดินาอันยาวนานในประวัติศาสตร์จีน ในยุคนี้ประกอบไปด้วยราชวงศ์ต่าง ๆดังนี้
ราชวงศ์โจว (周朝 1027 – 256 ปี ก่อน ค.ศ.)
ราช วงศ์โจวเป็นราชวงศ์ที่มีอายุยืนยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์จีน เป็นจุดเริ่มต้นของระบอบศักดินาในประเทศจีน ราชวงศ์นี้แบ่งได้เป็นสองช่วง คือ ราชวงศ์โจวตะวันตก (西周 1027 – 771 ปี ก่อน ค.ศ.) มีเมืองหลวงอยู่ที่เฮ่าจิง (鎬京) กับราชวงศ์โจวตะวันออก (东周 770 – 256 ปี ก่อน ค.ศ.) มีเมืองหลวงอยู่ที่ลั่วอี้ (洛邑) ในยุคราชวงศ์โจวตะวันออกแบ่งย่อยได้เป็นสองยุค คือ ชุนชิว (春秋) กับจ้านกั๋ว (战国) ซึ่งเป็นยุคแห่งการสู้รบแย่งชิงดินแดนกันของบรรดาจูโหว หรือเจ้าครองแคว้นทั้งหลาย เป็นยุคที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งวุ่นวายที่สุดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน แต่ขณะเดียวกันในยุคนี้ก็มีความเจริญรุ่งเรืองในด้านศิลปวิทยาการต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะในด้านปรัชญาความคิด จนเป็นยุคที่ถูกเรียกว่า ยุคปราชญ์ร้อยสำนัก (诸子百家) ปราชญ์คนสำคัญของจีนที่มีชีวิตอยู่ในยุคนี้ เช่น ขงจื่อ (孔子) เหลาจื่อ (老子) จวงจื่อ (庄子) ซุนวู หรือ ซุนจื่อ (孙子) ม่อจื่อ (墨子) เมิ่งจื่อ (孟子) สวินจื่อ (荀子) หานเฟยจื่อ (韩非子) เป็นต้น และยุคนี้เป็นยุคต้นกำเนิดของปรัชญาสำคัญที่กลายเป็นเสาหลักทางความคิดของอารยธรรรมจีนในกาลต่อมา นั่นคือ ปรัชญาขงจื่อ (儒家) กับปรัชญาเต๋า (道家)
ราชวงศ์ฉิน (秦朝 221 – 207 ปี ก่อน ค.ศ.)
หลังจากที่ฉินหวางเจิ้ง (秦王政) เจ้าแคว้นฉิน สามารถสยบบรรดาแว่นแคว้นทั้งหลาย ยุติความขัดแย้งแตกแยกในช่วงยุคจ้านกั๋ว รวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของจีน แล้ว ก็ได้สถาปนาราชวงศ์ฉิน (秦朝) เป็นรัฐระบอบรวมศูนย์อำนาจขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์จีน ทั้งยังสถาปนาตำแหน่งผู้ปกครองสูงสุดที่เรียกว่า “ฮ่องเต้” หรือจักรพรรดิ (皇帝) ซึ่งได้ถูกใช้เรื่อยมาจนสิ้นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยที่พระองค์ได้สถาปนาตนเป็น ฉินสื่อหวงตี้ ห
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติศาสตร์จีน (จีน) จีนเป็นประเทศที่มีความเป็นมายาวนานกว่าห้าพันปีตลอดช่วงเวลาอันยาวนานนี้ได้ก่อเกิดเรื่องราวต่างๆมากมายนับไม่ถ้วนหลายๆ เรื่องก็กลายเป็นตำนานเล่าขานในหมู่ชนอันไม่รู้จบ ทั้งเรื่องราวของวีรบุรุษผู้เดียวดายวีรสตรีผู้เสียสละกังฉินใหญ่จอมเจ้าเล่ห์ธรรมราชันย์ผู้เปี่ยมเมตตาทรราชผู้โหดเหี้ยมอำมหิต และนี่คือมนต์เสน่ห์อย่างหนึ่งของประวัติศาสตร์จีน พัฒนาการความเป็นมาของประวัติศาสตร์จีนสามารถอธิบายคร่าวๆ โดยแบ่งช่วงเวลาออกมาได้ดังนี้ ยุคก่อกำเนิดหรือยุคบรรพกาล (? – 2100 ปีก่อนค.ศ) ดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำหวงเหอ (黄河) มีผู้คนอาศัยอยู่มาตั้งแต่ยุคหิน ซึ่งผู้คนเหล่านี้ได้ค่อย ๆ มีการพัฒนา จากการที่ต่างคนต่างอยู่ ยังชีพด้วยการเก็บของป่า ล่าสัตว์ ก็ค่อย ๆ เข้ามารวมตัวกันเป็นชุมชน ทำการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ ก่อเกิดเป็นสังคมแบบชนเผ่าขึ้น ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวก็ได้เกิดมีผู้นำคนสำคัญๆที่ได้มีส่วนสำคัญในการช่วย พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคมขณะนั้น คือ ซุ่ยเหริน (燧人) ฝูซี (伏羲) เสินหนง (神农) ซึ่งสามคนนี้ได้รับการยกย่องเป็น “ซันหวง” (三皇) หรือสามกษัตริย์ ตราบจนเมื่อประมาณ 4600 ปีก่อน ค.ศ. หวงตี้ (黄帝) หรือ จักรพรรดิเหลือง สามารถกำราบชนเผ่าทั้งหลายในแถบลุ่มน้ำหวงเหอได้สำเร็จ อันเป็นที่มาของชนชาติ “หวาเซี่ย” (华夏) หรือ ชนชาติจีน กาลต่อมาก็ได้มีผู้นำที่มีความสามารถเช่น จวนซวี (颛顼) ตี้คู่ (帝喾) เหยา (尧) ซุ่น (舜) บุคคลทั้งสี่นี้ เมื่อรวมกับหวงตี้ (จักรพรรดิเหลือง) จึงกลายเป็นกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า “หวู่ตี้” (五帝) หรือ ห้าจักรพรรดิ จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้สังคมจีนแบบบุพกาลสิ้นสุดลง คือการที่ต้าอวี่ (大禹) สามารถแก้ไขปัญหาอุทกภัยในแถบลุ่มแม่น้ำหวงเหอ ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญที่คุกคามชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในบริเวณนั้นมา อย่างยาวนานได้สำเร็จ ดังนั้นพระเจ้าซุ่นจึงได้สละบัลลังก์ของตนมอบให้แก่ต้าอวี่ ต้าอวี่ปกครองประชาชนด้วยความร่มเย็นเป็นสุขจนเมื่อตนเองแก่ชรา จึงคิดจะยกราชสมบัติให้แก่อี้ (益) ตามประเพณีดั้งเดิมที่จะยกบัลลังก์ให้แก่ผู้มีความสามารถ แต่ทว่าด้วยแรงหนุนจากบรรดาหัวหน้าเผ่าต่างๆที่อยู่ภายใต้การปกครองของ ต้าอวี่ ทำให้ฉี่ (启) โอรสของต้าอวี่ได้สืบทอดบัลลังก์ต่อจากบิดา เหตุการณ์นี้ถือเป็นจุดสิ้นสุดของยุคบรรพกาล ประวัติศาสตร์จีนได้เข้าสู่ยุคแห่งรัฐระบอบทาสนับแต่นั้น ยุคทาส (2100 – 1028 ปี ก่อน ค.ศ.) ใน ยุคนี้จีนได้เริ่มมีการสถาปนาระบอบการปกครองแบบราชวงศ์ มีการสืบสันตติวงศ์ทางสายเลือด แทนระบบการสืบทอดตำแหน่งโดยการคัดเลือกจากความสามารถ เริ่มมีชนชั้นทาสเกิดขึ้น เนื่องจากเมื่อฉี่ โอรสของอวี่ขึ้นครองราชย์ ได้มีชนเผ่าบางเผ่าไม่ยอมรับอำนาจของเขา ฉี่จึงยกทัพไปปราบ และกวาดต้อนเชลยศึกเหล่านั้นให้มาทำหน้าที่รับใช้ฝ่ายตนซึ่งเป็นผู้ชนะ สงคราม จึงได้เกิดมีชนชั้นทาสกับนายทาสขึ้นนับแต่นั้น ในยุคนี้จะประกอบไปด้วยราชวงศ์อยู่สองราชวงศ์ คือ เซี่ยกับชาง ราชวงศ์เซี่ย (夏朝 2100 – 1600 ปี ก่อน ค.ศ.) ราชวงศ์นี้สถาปนาโดยฉี่ โอรสของต้าอวี่ กษัตริย์องค์สุดท้ายคือ เจี๋ย (桀) รวมมีกษัตริย์ปกครองทั้งหมด 17 พระองค์ (รวมต้าอวี่) ราชวงศ์ชาง (商朝 1600 – 1028 ปี ก่อน ค.ศ.) ราชวงศ์นี้สถาปนาโดยชางทัง (商汤) ซึ่งได้ฉวยโอกาสนำกำลังลุกฮือขึ้นโค่นล้มการปกครองของพระเจ้าเจี๋ยแห่งราชวงศ์เซี่ย กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์นี้คือ โจ้ว (纣) ราชวงศ์นี้มีกษัตริย์ปกครองทั้งสิ้น 30 พระองค์ ยุคนี้การทำเครื่องสัมฤทธิ์มีความเจริญรุ่งเรืองที่สุด ทั้งยังเป็นยุคที่อักษรกระดองเต่า (甲骨文) ถือกำเนิดขึ้นมาด้วย ยุคศักดินา (1027 ปี ก่อน ค.ศ. – ค.ศ. 1912) เมื่อโจวหวู่หวาง (周武王) นำกำลังเข้าโค่นล้มการปกครองของพระเจ้าโจ้วหวางแห่งราชวงศ์ชางแล้ว ก็ได้สถาปนาราชวงศ์โจว (周朝) ขึ้น และได้ปูนบำเหน็จความดีความชอบให้แก่บรรดาเชื้อพระวงศ์ ขุนศึก หัวหน้าเผ่าที่ร่วมมือกับตนในการโค่นล้มราชวงศ์ชาง ด้วยการแต่งตั้งให้บรรดาคนเหล่านั้นเป็น “จูโหว” (诸侯) หรือเจ้าครองแคว้น แล้วมอบที่ดินให้กับพวกเขาในขนาดที่แตกต่างกัน ตามแต่ระดับความดีความชอบที่ได้กระทำไว้ ให้คนเหล่านั้นมีอำนาจเต็มที่ในพื้นที่ที่ได้รับพระราชทานจาก “โอรสสวรรค์” (天子) หรือกษัตริย์แห่งราชวงศ์โจว และนี่จึงเป็นที่มาของยุคศักดินาอันยาวนานในประวัติศาสตร์จีน ในยุคนี้ประกอบไปด้วยราชวงศ์ต่าง ๆดังนี้
ราชวงศ์โจว (周朝 1027 – 256 ปี ก่อน ค.ศ.)
ราช วงศ์โจวเป็นราชวงศ์ที่มีอายุยืนยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์จีน เป็นจุดเริ่มต้นของระบอบศักดินาในประเทศจีน ราชวงศ์นี้แบ่งได้เป็นสองช่วง คือ ราชวงศ์โจวตะวันตก (西周 1027 – 771 ปี ก่อน ค.ศ.) มีเมืองหลวงอยู่ที่เฮ่าจิง (鎬京) กับราชวงศ์โจวตะวันออก (东周 770 – 256 ปี ก่อน ค.ศ.) มีเมืองหลวงอยู่ที่ลั่วอี้ (洛邑) ในยุคราชวงศ์โจวตะวันออกแบ่งย่อยได้เป็นสองยุค คือ ชุนชิว (春秋) กับจ้านกั๋ว (战国) ซึ่งเป็นยุคแห่งการสู้รบแย่งชิงดินแดนกันของบรรดาจูโหว หรือเจ้าครองแคว้นทั้งหลาย เป็นยุคที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งวุ่นวายที่สุดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน แต่ขณะเดียวกันในยุคนี้ก็มีความเจริญรุ่งเรืองในด้านศิลปวิทยาการต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะในด้านปรัชญาความคิด จนเป็นยุคที่ถูกเรียกว่า ยุคปราชญ์ร้อยสำนัก (诸子百家) ปราชญ์คนสำคัญของจีนที่มีชีวิตอยู่ในยุคนี้ เช่น ขงจื่อ (孔子) เหลาจื่อ (老子) จวงจื่อ (庄子) ซุนวู หรือ ซุนจื่อ (孙子) ม่อจื่อ (墨子) เมิ่งจื่อ (孟子) สวินจื่อ (荀子) หานเฟยจื่อ (韩非子) เป็นต้น และยุคนี้เป็นยุคต้นกำเนิดของปรัชญาสำคัญที่กลายเป็นเสาหลักทางความคิดของอารยธรรรมจีนในกาลต่อมา นั่นคือ ปรัชญาขงจื่อ (儒家) กับปรัชญาเต๋า (道家)
ราชวงศ์ฉิน (秦朝 221 – 207 ปี ก่อน ค.ศ.)
หลังจากที่ฉินหวางเจิ้ง (秦王政) เจ้าแคว้นฉิน สามารถสยบบรรดาแว่นแคว้นทั้งหลาย ยุติความขัดแย้งแตกแยกในช่วงยุคจ้านกั๋ว รวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของจีน แล้ว ก็ได้สถาปนาราชวงศ์ฉิน (秦朝) เป็นรัฐระบอบรวมศูนย์อำนาจขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์จีน ทั้งยังสถาปนาตำแหน่งผู้ปกครองสูงสุดที่เรียกว่า “ฮ่องเต้” หรือจักรพรรดิ (皇帝) ซึ่งได้ถูกใช้เรื่อยมาจนสิ้นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยที่พระองค์ได้สถาปนาตนเป็น ฉินสื่อหวงตี้ ห
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
ประวัตค้นหาศาการตร์จี ( ประวัติศาสตร์ )
นจีนเป็นประเทศที่มีความเป็สาว hmoob ายาวนานกว่าห้าพันปีตลอดช่วงเวลาอันยาวนานนี้ได้ก่อเกค้นหาดเรื่องราวต่างๆมากมายนับไม่ถ้วนหลายๆเรื่องก็กลายเป็นตำนานเล่าขานในหมู่ชนอันไม่รู้จบการวีรตรีผู้เการียการละกังฉค้นหานใหญ่จอมเจ้าเล่ห์ธรรมราชันย์ผู้เปี่ยมเมตตาทรราชผู้โหดเหี้ยมอำมหค้นหาตและนี่คือมนต์เการน่ห์อย่างหนึ่งของประวัตค้นหาศาการตร์จีน


พัฒนาการความเป็สาว hmoob าของประวัตค้นหาศาการตร์จีนการามารถอธค้นหาบายคร่าวๆโดยแบ่งช่วงเวลาออกมาได้ดังนี้
ยุคก่อกำเนค้นหาดหรือยุคบรรพกาล ( ? ? ? ? ? ? ? - 2100 ปีก่อนศค . . . . . . . . . . . . . .

ค้นหาดนแดนแถบลุ่มแม่น้ำหวงเหอ ( สีเหลือง ) มีผู้คนอาศัยอยู่มาตั้งแต่ยุคหค้นหานซึ่งผู้คนเหล่านี้ได้ค่อยๆมีการพัฒนาจากการที่ต่างคนต่างอยู่ยังชีพด้วยการเก็บของป่าล่าการัตว์ก็ค่อยๆเข้ามารวมตัวกันเป็นชุมชนก่อเกค้นหาดเป็นการังคมแบบชนเผ่าขึ้นซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวก็ได้เกค้นหาดมีผู้นำคนการำคัญๆที่ได้มีการ่วนการำคัญในการช่วยพัฒนาชีวค้นหาตความเป็นอยู่ของผู้คนในการังคมขณะนั้นคือซุ่ยเหรค้นหาน ( บางคน ) ฝูซี ( โวลท์เซี ) ในการค้นหานหนง ( บางส่วน )" " " " " " ซันหวง " ( San Juan ) ) ) ) ) ) ) หรือการามกษัตรค้นหาย์ตราบจนเมื่อประมาณ 4600 ปีก่อนค . . . . . . .ศ . . . . . . .
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: