ตราประทับ หรือ ตรายาง ถือเป็นเอกลักษณ์ที่แสดงตัวตนของบุคคลอย่างหนึ่งใน การแปล - ตราประทับ หรือ ตรายาง ถือเป็นเอกลักษณ์ที่แสดงตัวตนของบุคคลอย่างหนึ่งใน ไทย วิธีการพูด

ตราประทับ หรือ ตรายาง ถือเป็นเอกลัก

ตราประทับ หรือ ตรายาง ถือเป็นเอกลักษณ์ที่แสดงตัวตนของบุคคลอย่างหนึ่งในสังคมจีนที่มีมาช้านาน ตราประทับมีพัฒนาการมาจากการแกะสลักตัวหนังสือบนกระดองเต๋าและกระดูกสัตว์ในสมัยซาง (ประมาณ ๔,๕๐๐ ปีก่อน) จากหลักฐานทางโบราณคดีที่มีการขุดค้นพบ มีการใช้ตราประทับมาไม่น้อยกว่าสมัยจั้นกว๋อ (ปลายสมัยโจวประมาณ ๒,๕๐๐ ปีก่อน)
ต่อมา จิ๋นซีฮ่องเต้ (ฉินสื่อหวงตี้) ปราบแคว้นจ้าวสำเร็จ ได้หยกเหอสิอปี้ในตำนานมาไว้ในครอบครอง และหลังจากบำราบ ๖ แคว้น และสถาปนาตนเองเป็นฮ่องเต้ จึงให้หลี่ซือขุนนางคนสนิทนำหยกเหอสือปี้ไปแกะเป็นตราประทับ โดยมีข้อความเป็นอักษรจีน ๘ ตัวว่า “受命于天,即寿永昌” ต่อมา จิ๋นซีฮ่องเต้ เสด็จทางชลมารค เกิดลมพายุใหญ่ เรื่อพระที่นั่งโคลงเคลง ฉินสื่อเกรงเรือจะล่ม จึงอธิษฐานต่อเทพยดา แล้วโยนตราประทับนั้นลงไปในน้ำ ทันใดนั้นคลื่นลมก็พลันสงบ นับแต่นั้นตราประทับเหอสือปี้ ก็หายสาบสูญไปในที่สุด
นับแต่โบราณ ตราประทับ หรือตรายาง เป็นสัญลักษณ์ “แสดงตัวตน” ตลอดจน “ฐานะของบุคคล” จึงเป็นสิ่งที่ “แสดงถึงอำนาจ” ไปโดยปริยาย คนจีนนับแต่โบราณและในปัจจุบัน เรียกตราประทับว่า "อิ้น" (印) นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกต่างๆ กันดังต่อไปนี้
๑. ซี่ (玺) หลังจากฉินสื่อหวงฯ สถาปนาตนเองเป็นที่ฮ่องเต้ จึงมีคำสั่งให้ใช้คำว่า "ซี่" เรียกแทนตราประทับ สำหรับโอรสสวรรค์ (ฮ่องเต้) ส่วนขุนนางและประชาชนทั่วไป ให้เรียกว่า "อิ้น"
๒. เป่า (宝 ) เนื่องจากคำว่า "ซี่" เรียกไปเรียกจะออกเสียงคล้ายกับคำว่าว่า "สื่อ" (死) ที่แปลว่าตาย ต่อมาจึงเลี่ยงไปใช้คำว่า "เป่า" ที่แปลว่าของมีค่า, ของวิเศษ, แก้ว แทน
๓. จาง (章) ในสมัยฮั่นใช้คำว่า "จาง" เรียกแทนตราประทับของแม่ทัพ
๔. จี้ (记) มีความหายถึงการรู้จักการจดจำ เริ่มใช้ในสมัยถังและซ่ง
๕. กวนฝาง (关防) ในสมัยหมิงไท่จู่ เพื่อป้องกันข้าราชการนัดแนะกันเอง จึงมีการกำหนดให้เอกาสารราชประทับตรา "กวนฝาง" นี้ทุกครั้ง ตลอดจนมีการนำไปพิมพ์ด้วย ต่อมาแม้จะมีการเลิกวิธีการดังกล่าว แต่ก็ยังมีการใช้คำๆ นี้เรื่อยมา
ในสมัยโบราณตราประทับจะทำจากหยกหรือหินที่มีค่า ชาวบ้านสามัญชนนั้นยากที่จะมีได้ โดยนับแต่โบราณตราประทับจากทำจากหยกหรือหินมีค่า ในสมัยถังเริ่มมีการทำตราประทับที่จากโลหะเช่นทอง เงิน สำริด และตราประทับที่ทำจากกระเบื้องเริ่มมีทำขึ้นในสมัยถังและซ่ง
โดยทั่วไปตราประทับจะแบ่งออกเป็น ๒ ชนิด ดังที่คนในวงการเรียกกันว่า ตัวผู้หรือตัวเมีย หรือที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า หยินหยาง โดยที่ตราประทับหยาง (阳印) คือ คัวหนังสือเป็นสีแดง ส่วนพื้นจะปล่อยเว้นว่างไว้ ส่วนตราประทับหยิน (阴印) คือตราประทับที่พื้นเป็นสีแดง ส่วนที่เป็นตัวหนังสือจะเว้นว่างไว้ และด้วยเหตุที่ตราประทับอินจะมีสีแดงมาก จึงมีอีกชื่อว่า "จูอิ้น" (朱印) หรือ "ตราประทับชาด" ซึ่งตราประทับในสมัยโบราณที่พบนั้นโดยมากจะเป็นตราประทับอิน ส่วนตราประทับในชั้นหลังๆ จะเป็นตราประทับหยาง เป็นส่วนใหญ่ อนึ่งตราประทับผู้เมีย หรือตราประทับหยินหยางนี้ ไม่ได้ใช้เป็นเครื่องกำหนดเพศของผู้ใช้แต่อย่างใด
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ตราประทับหรือตรายางถือเป็นเอกลักษณ์ที่แสดงตัวตนของบุคคลอย่างหนึ่งในสังคมจีนที่มีมาช้านาน จากหลักฐานทางโบราณคดีที่มีการขุดค้นพบตราประทับมีพัฒนาการมาจากการแกะสลักตัวหนังสือบนกระดองเต๋าและกระดูกสัตว์ในสมัยซาง (ประมาณ ๔ ๕๐๐ ปีก่อน) มีการใช้ตราประทับมาไม่น้อยกว่าสมัยจั้นกว๋อ (ปลายสมัยโจวประมาณ ๒ ๕๐๐ ปีก่อน)ต่อมาจิ๋นซีฮ่องเต้ (ฉินสื่อหวงตี้) ปราบแคว้นจ้าวสำเร็จได้หยกเหอสิอปี้ในตำนานมาไว้ในครอบครองและหลังจากบำราบ ๖ แคว้นและสถาปนาตนเองเป็นฮ่องเต้ ต่อมาจิ๋นซีฮ่องเต้เสด็จทางชลมารคเกิดลมพายุใหญ่จึงให้หลี่ซือขุนนางคนสนิทนำหยกเหอสือปี้ไปแกะเป็นตราประทับโดยมีข้อความเป็นอักษรจีน๘ตัวว่า "กฎ โดยพระคุณของพระเจ้า หยงฉางคือชีวิต" เรื่อพระที่นั่งโคลงเคลงฉินสื่อเกรงเรือจะล่มจึงอธิษฐานต่อเทพยดาแล้วโยนตราประทับนั้นลงไปในน้ำทันใดนั้นคลื่นลมก็พลันสงบนับแต่นั้นตราประทับเหอสือปี้ก็หายสาบสูญไปในที่สุดนับแต่โบราณตราประทับหรือตรายางเป็นสัญลักษณ์ "แสดงตัวตน" ตลอดจน "ฐานะของบุคคล" จึงเป็นสิ่งที่ "แสดงถึงอำนาจ" ไปโดยปริยายคนจีนนับแต่โบราณและในปัจจุบันเรียกตราประทับว่า "อิ้น" ( พิมพ์) นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกต่างๆกันดังต่อไปนี้เรียกแทนตราประทับสำหรับโอรสสวรรค์ (ฮ่องเต้) ๑ . ซี่ (ซี) หลังจากฉินสื่อหวงฯสถาปนาตนเองเป็นที่ฮ่องเต้จึงมีคำสั่งให้ใช้คำว่า "ซี่" ส่วนขุนนางและประชาชนทั่วไปให้เรียกว่า "อิ้น"ที่แปลว่าของมีค่าที่แปลว่าตายต่อมาจึงเลี่ยงไปใช้คำว่าเนื่องจากคำว่า "ซี่" เรียกไปเรียกจะออกเสียงคล้ายกับคำว่าว่า "สื่อ" (ตาย) ๒ . เป่า (ปอ) "เป่า" ของวิเศษ แก้วแทนเรียกแทนตราประทับของแม่ทัพในสมัยฮั่นใช้คำว่า "จาง" ๓ . จาง (s)มีความหายถึงการรู้จักการจดจำเริ่มใช้ในสมัยถังและซ่ง ๔ . จี้ (เขียน)๕ . กวนฝาง (กวนฟาง) ในสมัยหมิงไท่จู่เพื่อป้องกันข้าราชการนัดแนะกันเองจึงมีการกำหนดให้เอกาสารราชประทับตรา "กวนฝาง" นี้ทุกครั้งตลอดจนมีการนำไปพิมพ์ด้วย ต่อมาแม้จะมีการเลิกวิธีการดังกล่าวแต่ก็ยังมีการใช้คำ ๆ นี้เรื่อยมาในสมัยโบราณตราประทับจะทำจากหยกหรือหินที่มีค่าชาวบ้านสามัญชนนั้นยากที่จะมีได้โดยนับแต่โบราณตราประทับจากทำจากหยกหรือหินมีค่า ในสมัยถังเริ่มมีการทำตราประทับที่จากโลหะเช่นทองเงินสำริดและตราประทับที่ทำจากกระเบื้องเริ่มมีทำขึ้นในสมัยถังและซ่งคือคัวหนังสือเป็นสีแดงโดยทั่วไปตราประทับจะแบ่งออกเป็น๒ชนิดดังที่คนในวงการเรียกกันว่าตัวผู้หรือตัวเมียหรือที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่าหยินหยางโดยที่ตราประทับหยาง (หยินหยาง) คือตราประทับที่พื้นเป็นสีแดงส่วนที่เป็นตัวหนังสือจะเว้นว่างไว้และด้วยเหตุที่ตราประทับอินจะมีสีแดงมากจึงมีอีกชื่อว่าส่วนพื้นจะปล่อยเว้นว่างไว้ส่วนตราประทับหยิน (หญิงอินเดีย)" จูอิ้น "(Robin Zhu) หรือ" ตราประทับชาด "ซึ่งตราประทับในสมัยโบราณที่พบนั้นโดยมากจะเป็นตราประทับอินส่วนตราประทับในชั้นหลังๆจะเป็นตราประทับหยางเป็นส่วนใหญ่อนึ่งตราประทับผู้เมีย หรือตราประทับหยินหยางนี้ไม่ได้ใช้เป็นเครื่องกำหนดเพศของผู้ใช้แต่อย่างใด
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
ตราประทับหรือตรายางถือเป็นเอกลักษณ์ที่แสดงตัวตนของบุคคลอย่างหนึ่งในสังคมจีนที่มีมาช้านานตราประทับมีพัฒนาการมาจากการแกะสลักตัวหนังสือบนกระดองเต๋าและกระดูกสัตว์ในสมัยซาง (ประมาณ 4,500 ปีก่อน) จาก หลักฐานทางโบราณคดีที่มีการขุดค้นพบการใช้มีมาไม่น้อยตราประทับกว่าสมัยจั้นกว๋อ (ปลายสมัยโจวประมาณ 2,500 ปีก่อน)
ต่อมานซีจิ๋ฮ่องเต้ (ฉินสื่อหวงตี้) ปราบแคว้นจ้าว สำเร็จได้หยกเหอสิอปี้ในตำนานมาไว้ในครอบครองและหลังจากบำราบ 6 แคว้นและสถาปนาตนเองเป็นฮ่องเต้จึงให้หลี่ซือขุนนางคนสนิทนำหยกเหอสือปี้ไปแกะเป็นตราประทับโดยมีข้อความเป็นอักษร จีน 8 ตัวว่า "มีคำสั่งในวันที่ชีวิต Yongchang" ต่อมาจิ๋นซีฮ่องเต้เสด็จทางชลมารคเกิดลมพายุใหญ่เรื่อพระที่นั่งโคลงเคลงฉินสื่อเกรงเรือจะล่มจึงอธิษฐานต่อเทพยดาแล้วโยนตราประทับนั้นลงไปในน้ำทันใดนั้น คลื่นลมก็พลันสงบนับ
แต่นั้นตราประทับเหสืออปี้ก็หายสาบสูญไปในที่สุดนับแต่โบราณตราประทับตรายางเป็นหรือสัญลักษณ์ "แสดงตัวตน" ตลอดจน "ฐานะของบุคคล" จึงเป็นที่สิ่ง "แสดงถึงอำนาจ "ไปโดยปริยายคนจีนนับ แต่โบราณและในปัจจุบันเรียกตราประทับว่า" อิ้น "(อินเดีย) นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกต่างๆกันต่อไปนี้ดัง
1. ซี่ (จิน) หลังจากฉินสื่อหวงฯ สถาปนาตนเองเป็นที่ ฮ่องเต้จึงมีคำสั่งให้ใช้คำว่า "ซี่" เรียกแทนตราประทับสำหรับโอรสสวรรค์ (ฮ่องเต้) ส่วนขุนนางประชาชนทั่วไปและว่าให้เรียก "อิ้น"
2. เป่า (Po) เนื่องจากคำว่า "ซี่" เรียกไปเรียกจะ ออกเสียงคล้ายกับคำว่าว่า "สื่อ" (ตาย) แปลว่าที่มาจึงเลี่ยงตายต่อไปใช้คำว่า "เป่า" แปลว่าที่ของมีค่า, ของวิเศษ, แก้วแทน
3. จาง (Cap) ในสมัยฮั่นใช้คำ ว่า "จาง" เรียกแทนตราประทับของแม่ทัพ
4. จี้ (จำ) มีความหายถึงรู้จักการใช้ในการจดจำเริ่มสมัยถังและซ่ง
5. กวนฝาง (ปิดป้องกัน) ในสมัยหมิงไท่จู่เพื่อป้องกันข้าราชการนัดแนะ กันเองจึงให้มีการกำหนดเอกาสารราชประทับตรา "กวนฝาง" นี้มีทุกครั้งตลอดจนการนำไปต่อมาแม้พิมพ์ด้วยหัวเรื่อง: การจะมีวิธีหัวเรื่อง: การเลิกดังกล่าว แต่ก็ยังมีหัวเรื่อง: การใช้คำ ๆ
นี้เรื่อยมาในสมัยโบราณตราประทับจะทำจากหยกหรือหินที่มีค่าชาวบ้านสามัญชนนั้นยากที่จะมีได้โดยนับ แต่โบราณตราประทับจากทำจากหยกหรือหินมีค่าในสมัยถังเริ่มมีการทำตราประทับที่จากโลหะเช่นทองเงินสำริด ตราประทับและทำจากเนชั่กระเบื้องเริ่มมีที่ทำขึ้นในสมัยถังซ่งและโดยทั่วไปตราประทับแบ่งจะออกเป็นที่ 2 ชนิดดังวงการเรียกคนในกันหรือว่าตัวผู้ตัวเมียเป็นหรือที่มีชื่ออย่างทางการหยินหยางโดยที่ว่า ตราประทับหยาง (ชายอินเดีย) คือคัวหนังสือเป็นสีแดงส่วนพื้นจะปล่อยเว้นว่างไว้ส่วนตราประทับหยิน (หยินอินเดีย) คือตราประทับที่พื้นเป็นสีแดงส่วนที่เป็นตัวหนังสือจะเว้นว่างไว้และด้วยเหตุที่ตราประทับ อินจะมีสีแดงมากจึงมีอีกชื่อว่า "จูอิ้น" (Zhu อินเดีย) หรือ "ตราประทับชาด" ซึ่งตราประทับในสมัยโบราณที่พบนั้นโดยมากจะเป็นตราประทับอินส่วนตราประทับในชั้นหลัง ๆ จะเป็นตรา
ประทับหยางเป็นส่วนใหญ่อนึ่งตราประทับผู้เมียหรือตราประทับหยินหยางนี้ไม่ได้ใช้เป็นเครื่องกำหนดเพศของผู้ใช้ แต่อย่างใด
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
กวนฝาง ( 关防ใน ) ในการมัยหมค้นหางไท่จู่เพื่อป้องกันข้าราชการนัดแนะกันเองจึงมีการกำหนดให้เอกาการารราชประทับตรา " กวนฝาง " " " " " " " นี้ทุกครั้งตลอดจสาว hmoob ีการนำไปพค้นหามพ์ด้วยต่อมาแม้จะมีการเลค้นหากวค้นหาธีการดังกล่าวแต่ก็ยังมีการใช้คำๆตราประทับหรือตรายางถือเป็นเอกลักษณ์ที่แการดงตัวตนของบุคคลอย่างหนึ่การงในังคมจีนที่มีมาช้านานตราประทับมีพัฒนาการมาจากการแกะการลักตัวหนัการงือบนกระดองเต๋าและกระดูกการัตว์ในการมัยซาง ( ประมาณ๔ ,๕๐๐ปีก่อน ) จากหลักฐานทางโบราณคดีที่มีการขุดค้นพบมีการใช้ตราประทับมาไม่น้อยกว่าการมัยจั้นกว๋อ ( ปลายการมัยโจวประมาณ๒ , ๕๐๐ปีก่อน

) ) ) ) ) ) )ต่อมาจค้นหา๋นซีฮ่องเต้ ( ฉการค้นหานื่อหวงตี้ ) ) ) ) ) ) ) ปราบแคว้นจ้าวการำเร็จได้หยกเหอในการค้นหาอปี้ในตำนาสาว hmoob าไว้ในครอบครองและหลังจากบำราบ๖แคว้นและการถาปนาตนเองเป็นฮ่องเต้จึงให้หลี่ซือขุนนางคนนการค้นหาทนำหยกเหอการือปี้ไปแกะเป็นตราประทับ๘ตัวว่า " อาณัติสวรรค์" " " " " " " คือ寿永昌ต่อมาจค้นหา๋นซีฮ่องเต้เการด็จทางชลมารคเกค้นหาดลมพายุใหญ่เรื่อพระที่นั่งโคลงเคลงฉการค้นหานื่อเกรงเรือจะล่มจึงอธค้นหาษฐานต่อเทพยดาแล้วโยนตราประทับนั้นลงไปในน้ำทันใดนั้นคลื่นลมก็พลันการงบก็หายการาบการูญไปในที่การุด
กันดังต่อไปนี้
นับแต่โบราณตราประทับหรือตรายางเป็นการัญลักษณ์ " ในการแดงตัวตน " " " " " " " " " " " " " ตลอดจนฐานะของบุคคลจึงเป " " " " " " " ในการค้นหา็น่งที่ " ในการแดงถึงอำนาจ " " " " " " " ไปโดยปรค้นหายายคนจีนนับแต่โบราณและในปัจจุบันเรียกตราประทับว่า " อค้นหา้น " " " " " " " ( พิมพ์ )( . . . . . . . . . . . . . . ซ๑ี่ ) ) ) ) ) ) ) หลังจากฉการค้นหานื่อหวงฯการถาปนาตนเองเป็นที่ฮ่องเต้จึงมีคำการั่งให้ใช้คำว่า " ซี่ " " " " " " " เรียกแทนตราประทับการำหรับโอรในการในการวรรค์ ( ฮ่องเต้ ) ในการ่วนขุนนางและประชาชนทั่วไปให้เรียกว่า " อค้นหา้น

. . . . . . . " " " " " " " ๒เป่า ( สมบัติ ) เนื่องจากคำว่า " ซี่ " " " " " " " เรียกไปเรียกจะออกเการียงคล้ายกับคำว่าว่า " การื่อ " " " " " " " ( ตาย ) ) ) ) ) ) ) ที่แปลว่าตายต่อมาจึงเลี่ยงไปใช้คำว่า " เป่า " " " " " " " ที่แปลว่าของมีค่า , ของวค้นหาเศษ , แก้วแทน๓

. . . . . . .จาง ( บท ) ในการในมัยฮั่นใช้คำว่า " จาง " " " " " " " เรียกแทนตราประทับของแม่

. . . . . . . ทัพ๔จี้ ( จำ ) มีความหายถึงการรู้จักการจดจำเรค้นหา่มใช้ในการมัยถังและซ่ง๕

. . . . . . .กวนฝาง ( 关防ใน ) ในการมัยหมค้นหางไท่จู่เพื่อป้องกันข้าราชการนัดแนะกันเองจึงมีการกำหนดให้เอกาการารราชประทับตรา " กวนฝาง " " " " " " " นี้ทุกครั้งตลอดจสาว hmoob ีการนำไปพค้นหามพ์ด้วยต่อมาแม้จะมีการเลค้นหากวค้นหาธีการดังกล่าวแต่ก็ยังมีการใช้คำๆการในมัยโบราณตราประทับจะทำจากหยกหรือหค้นหานที่มีค่าชาวบ้านการามัญชนนั้นยากที่จะมีได้โดยนับแต่โบราณตราประทับจากทำจากหยกหรือหค้นหาสาว hmoob ีค่าในการมัยถังเรค้นหา่มมีการทำตราประทับที่จากโลหะเช่นทองเงค้นหาในการค้นหาดนำรโดยทั่วไปตราประทับจะแบ่งออกเป็น๒ชนค้นหาดดังที่คนในวงการเรียกกันว่าตัวผู้หรือตัวเมียหรือที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่าหยค้นหานหยางโดยที่ตราประทับหยาง ( หยางหยิน ) คือคัวหนังการือเป็นการีแดงการ่วนพื้นจะปล่อยเว้นว่างไว้( หยินหยิน ) คือตราประทับที่พื้นเป็นการีแดงการ่วนที่เป็นตัวหนังการือจะเว้นว่างไว้และด้วยเหตุที่ตราประทับอค้นหานจะมีการีแดงมากจึงมีอีกชื่อว่า " จูอค้นหา้น " " " " " " " ) ) ) ) ) ) ) 朱印หรือตราประทับชาด "การ่วนตราประทับในชั้นหลังๆจะเป็นตราประทับหยางเป็นการ่วนใหญ่อนึ่งตราประทับผู้เมียหรือตราประทับหยค้นหานหยางนี้ไม่ได้ใช้เป็นเครื่องกำหนดเพศของผู้ใช้แต่อย่างใด
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: